ถ้าเกริ่นหัวข้อมีคำว่า Extreme ขึ้นมาแล้วละก็ คงไม่ได้มาในท่าธรรมดาแน่นอน เพราะวันนี้เราจะมาพูดถึงเส้นทางวิบาก ไม่ใช่ทางดำแต่คือทางดิน ทางหิน ทางน้ำ ซึ่งมีคนไม่น้อยที่ชื่นชอบการขับในสไตล์นี้ 

อาจจะเป็นกิจกรรมก็ดี หรือการใช้ชีวิตในชีวิตประจำวันก็ดี การขับขี่ทางวิบาก มีเสน่ห์และสนุก แต่ก็มาพร้อมความสะดวกสบายที่หายไป เพราะฉะนั้น เราจะมาดูกันว่า แฟนคลับทางวิบาก แฟนคลับที่รักความเอ็กซ์ตรีมนั้น ต้องเลือกยางกระบะบรรทุกหนักอย่างไร ให้ใช่ ให้น่าใช้ ให้มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม พร้อมทั้งให้ความรู้เพิ่มเติมต่างๆเกี่ยวการขับวิบากที่น่าสนใจ พร้อมแล้วก็มาลุยกันเลยครับ 

 

ถ้าพูดถึงทางลุยแล้วรถยนต์ที่ใช้สำหรับการขับวิบาก คือรถอะไรบ้าง 

 

รถยนต์ที่ใช้สำหรับการขับขี่วิบาก (Off-roading) มักจะออกแบบมาเพื่อทนทานในสภาพถนนที่ไม่เรียบ และมีความสามารถในการขับขี่ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายเช่น ถนนดิน, ถนนหิน, ลาดชัน, ป่า, หรือแถบที่มีน้ำแห้ง ประเภทของรถยนต์ที่เหมาะสำหรับการขับขี่วิบากได้แก่:

  1. รถยนต์ออฟโร้ด (Off-road Vehicles): รถยนต์ออฟโร้ดมีหลากหลายรูปแบบ เช่น รถยนต์ออฟโร้ดสปอร์ต, รถขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) เช่น รถเอสยูวีออฟโร้ด, รถพิคอัพ (Pickup trucks) แบบดัดแปลง, และอื่น ๆ รถยนต์ออฟโร้ดมักมีโครงสร้างแข็งแรงและระบบขับเคลื่อนที่มีความทนทานในสภาพถนนลาดชันและลาดเอียง.
  2. รถจักรยานยนต์ออฟโร้ดแบบแต่ง (ATVs) และรถจักรยานยนต์แอยานซ์ (UTVs): ATVs และ UTVs เป็นรถจักรยานยนต์ที่มีล้อสี่ล้อ มักใช้ในการขับขี่ในป่า ลานดอกไม้, และสภาพถนนและที่ดินที่ท้าทาย.

การเลือกรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่เหมาะสำหรับการขับขี่วิบากขึ้นอยู่กับลักษณะของเส้นทางและสภาพถนนที่คุณต้องการผจญภัย รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ออกแบบมาสำหรับการขับขี่วิบากมักมีความทนทานและความสามารถในการเผาผ่านสภาพแวดล้อมที่ท้าทายเหล่านี้.

 

การขับขี่วิบาก คืออะไร

 

“การขับขี่วิบาก” หรือ “Off-roading” คือกิจกรรมขับรถที่ท้าทาย ที่เป็นทราย ป่า หรือภูเขา เจ้าของรถมักจะใช้รถยนต์พิเศษที่ออกแบบมาเพื่อทนทานในสภาพถนนที่วิบาก  โดยมักจะมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) หรือสองล้อ (2WD) โดยส่วนมากเป็นรถยนต์จักรยานยนต์ (ATV) หรือรถจักรยานยนต์ดัดแปลง กิจกรรมนี้มักเป็นที่นิยมในวงการรถยนต์และสปอร์ตส์ที่เน้นความสนุกสนานและความท้าทายในการขับขี่

 

แล้วการขับแบบวิบากนี้มักใช้ในการแข่งขันแรลลี่ หรือการแข่งขับวิบากนั่นเอง

 

การแข่งแรลลี่ (Rally) เป็นกิจกรรมการแข่งขันที่เน้นความเร็วและการนำทีมขับรถผ่านเส้นทางที่หลากหลายในสภาพถนนที่ท้าทาย โดยมีกติการที่สำคัญและข้อกำหนดเฉพาะในแต่ละการแข่งขัน นี่คือบางกติการที่สำคัญในการแข่งแรลลี่:

  1. เส้นทางและสภาพถนน: การแข่งแรลลี่มักจะประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ ของเส้นทาง เช่น ถนนแห้ง, ถนนลาดชัน, ถนนหินทราย, หรือถนนป่า เส้นทางที่สร้างความท้าทายมักมีความยากและความแตกต่างตามแต่ละแข่งขัน.

  2. เวลาและระยะทาง: การแข่งแรลลี่มักจะมีระยะทางและเวลาที่กำหนดในการเข้าแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันต้องรักษาความเร็วและความถูกต้องในการวิ่งผ่านเส้นทางตามเวลาที่กำหนด.

  3. ผู้เข้าแข่งขัน: ในการแข่งแรลลี่แบบทีม (Team Rally), ทีมประกอบด้วยนักขับรถและนักบริการที่เป็นผู้ช่วยเหลือในการบำรุงรักษารถ

  4. ระบบเวกเตอร์และนำทีม: แข่งแรลลี่มักมีระบบเวกเตอร์ (Waypoints) ที่ต้องไปยังเพื่อให้ได้คะแนน และทีมบริการที่ต้องประสานการทำงานเพื่อสนับสนุนนักขับรถในการแข่งขัน.

  5. หลักการควบคุม: การแข่งแรลลี่มีหลักการควบคุมที่ควบคุมการแข่งขันและการตรวจสอบการเข้าแข่งขันของทีมแข่ง หลักการควบคุมมักประกอบด้วยผู้ตรวจสอบสภาพรถ, ผู้ตรวจสอบเวลา, และผู้ตรวจสอบเวกเตอร์.

  6. การประกาศผลแข่งขัน: การแข่งแรลลี่จะมีการประกาศผลแข่งขันเพื่อกำหนดผู้ชนะในแต่ละสาขาหรือประเภทของการแข่งขัน.

การแข่งแรลลี่เป็นกิจกรรมที่น่าสนุกและท้าทาย มีหลายประเภทและระดับความยากมากมาย และมักจะมีการแข่งขันระดับโลกและการแข่งขันในระดับภูมิภาค การแข่งขันสำคัญที่รู้จักในสากลรวมถึง “ดาคาร์ราลลี” (Dakar Rally) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการแข่งแรลลี่ที่มีชื่อเสียง.

 

มาเรียนรู้ทักษะ การขับรถออฟโรดขั้นพื้นฐานอย่างถูกวิธี

 

เส้นทางที่ขรุขระนี้ มีทั้งระดับง่ายและยาก ตั้งแต่สภาพทางลูกรังธรรมดาไปจนถึงหลุมบ่อและโขดหิน รวมทั้งสภาพเส้นทางที่ใช้หัดขับหรือเทรนนิ่ง และการแข่งขันออฟโรดทั่วๆ ไป

 รถออฟโรดที่ดีนั้น ระบบช่วงล่างจะต้องมีการซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ไม่อ่อนยวบยาบหรือแข็งกระด้าง แต่ควรอยู่ในระดับความหนืดที่มีความยืดหยุ่นสูงตอบสนองเร็ว เพราะมีความสำคัญต่อการขับขี่ที่ปลอดภัย หากว่าช่วงล่างมีความแข็งกระด้างเกินไป การซับแรงก็จะด้อยลงไปด้วย อาจส่งผลให้รถเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เนื่องจากช่วงยุบและยืดไม่ดีพอ ช่วงล่างที่ดีต้องสามารถยืดล้อให้สัมผัสพื้นได้มาก รวมทั้งยุบตัวและยันไม่ให้รถเกิดอาการวูบจนเสียการควบคุม จะช่วยให้เราสามารถขับผ่านอุปสรรคปัญหาไปได้โดยปลอดภัย

ในเรื่องของยางก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ยางที่ดีควรเป็นดอกหยาบแบบ Mud-Terrain จะช่วยในการเกาะพื้นผิวขรุขระได้ดีกว่ายางที่มีดอกละเอียด ทั้งนี้ต้องเติมลมยางให้เหมาะสมด้วย จึงจะได้คุณภาพของยางเต็มประสิทธิภาพ เราสามารถเติมลมยางให้อ่อนกว่าการใช้งานในสภาพปกติ ขึ้นอยู่กับขนาดของยางและน้ำหนักตัวรถ ยกตัวอย่าง รถที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2 ตัน ยางขนาด 31 นิ้ว สามารถเติมลมได้ต่ำถึง 22 ปอนด์ แต่ถ้าเป็นยางขนาด 33 นิ้ว สามารถเติมลมยางได้ถึง 18 ปอนด์ เป็นเพราะมีปริมาณลมมากกว่านั่นเอง หากว่าเติมลมยางอ่อนไปยางอาจหลุดขอบได้

เมื่อเราขับรถออกนอกเส้นทางที่ราดยาง สิ่งที่จะได้พบก็คือ ทางลูกรังหรือทางดิน ถ้าไม่ยากเกินไปแนะนำว่า ให้ท่านใช้เกียร์ 4H เพื่อช่วยให้รถเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังใช้ความเร็วได้ตามปกติ แต่สิ่งที่ควรระวังในการขับบนถนนลูกรังก็คือ ห้ามการแตะเบรกโดยกะทันหันและการหักเลี้ยวอย่างรุนแรง(การกระชากพวงมาลัยรถ) เพราะทำให้รถเสียการทรงตัวและเกิดอุบัติเหตุได้

วิธีการที่ถูกต้องสำหรับการขับในเส้นทางที่เป็นทางกรวดก็คือ ฝึกหัดในขั้นแรก คือ ใช้ Walking Speed (เกียร์1L) เป็นหลัก อาศัยแรงบิดของเครื่องยนต์เป็นตัวช่วย ทำให้สามารถขับขี่ได้ง่ายขึ้น โดยใช้รอบเครื่องให้สัมพันธ์กับเกียร์ และที่สำคัญไม่ควรใช้ความเร็วหรือการเร่งอย่างรุนแรง ควรขับอย่างมีจังหวะจะโคน เลือกใช้เกียร์ 1 L เป็นหลัก และสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เมื่อต้องการความเร็วเพิ่มขึ้น

เมื่อรู้สึกว่าเริ่มหนืดหรือรถเคลื่อนที่ช้าลง อันเกิดจากการหยุบตัวของหิน ให้แตะคันเร่งช่วยเบาๆ แต่อย่าเร่งอย่างแรง เพราะการเร่งอย่างแรงและรวดเร็วนั้น จะทำให้ล้อรถเกิดการตะกุย อันทำให้ขุดหลุมฝังล้อได้

 

น้ำคืออีก 1 ปัจจัยสำคัญในงานวิบาก

 

“น้ำ” เป็นอุปสรรคหนึ่ง ที่สามารถทำให้เกิดอันตรายได้ หากมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง อาทิ ความลึก ความเชี่ยวของกระแส หรือลักษณะของเส้นทางที่อยู่ใต้น้ำ สิ่งเหล่านี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ การขับข้ามน้ำในธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น ห้วย ลำธาร บึง แม้กระทั่งแม่น้ำ จะต้องทำการสำรวจความลึก พื้นผิวใต้น้ำ และกระแสน้ำทุกครั้งว่าเป็นอย่างไร มีโขดหิน หลุม อยู่บริเวณใดบ้าง รวมทั้งสภาพพื้นผิวใต้น้ำที่มีลักษณะเป็นดิน ทรายหรือกรวด ดังนั้นจึงต้องเดินลุยน้ำเท่านั้น จึงจะทราบถึงสภาพเส้นทางที่เราขับลงไป

น้ำที่มีกระแสไหลอยู่ตลอดเวลานั้น อาจทำให้สภาพพื้นผิวใต้น้ำเปลี่ยนได้ตลอดเวลา จึงไม่ควรไว้ใจในเส้นทางที่เคยขับผ่านมาหลายครั้งแล้ว เพราะทรายหรือกรวดอาจถูกน้ำพัดจนทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ หากมีจุดใดต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ให้ไปยืนประจำการจุดนั้นๆ เพื่อให้ผู้ขับสังเกตเห็น หรือใช้ไม้ปักเพื่อเป็นสัญลักษณ์ก็ได้ และต้องรู้ธรรมชาติของน้ำอีกอย่างหนึ่ง คือ ถึงแม้ว่าจะมีระดับที่ไม่ลึกมากนักเพียงแค่กันชนหน้า ก็สามารถดันรถให้ลอยไปตามกระแสได้ เนื่องจากพื้นที่หน้าตัดของรถด้านข้างมีมากนั่นเอง ดังนั้นเราจึงต้องสังเกตกระแสน้ำว่ามีการไหลไปในทิศทางใด และมีความเร็วในการไหลเป็นอย่างไร

ถ้าระดับน้ำลึกมากจนอาจเป็นอันตราย ถึงแม้จะไม่มีกระแสน้ำก็ไม่ควรเสี่ยงที่จะข้ามไป เพราะรถจะไม่สามารถสู้กับแรงต้านของกระแสน้ำได้และจมในที่สุด จึงไม่ควรประมาทโดยเฉพาะรถที่ไม่มีสนอร์เกิ้ล( Snorkel) เ

เมื่อตัดสินใจจะข้ามน้ำที่มีระดับลึกถึงกระบะ(รถปิกอัพ) ให้ผูกโยงสัมภาระทั้งหมดติดกับตัวรถเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำพัดไป หรือถ้ามีตาข่ายคลุมทับก็เป็นการดี เพราะมีสัมภาระหลายอย่างที่ลอยน้ำได้ เช่น ยางอะไหล่ ครื่องครัว หรือเครื่องนอน เป็นต้น 

เมื่อพร้อมจะลงน้ำห้ามคาดเข็มขัดนิรภัย และลดกระจกหน้าลงให้สุด พร้อมกับปลดล็อกประตูทุกบาน เพื่อป้องกันการลัดวงจรของกระแสไฟฟ้า ด้วยเหตุว่าในกรณีฉุกเฉินรถอาจจะจมน้ำถึงในระดับที่เป็นอันตราย ผู้ที่อยู่ในรถจะสามารถมุดออกมาได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งสะดวกต่อผู้ที่เข้าไปช่วยเหลืออีกด้วย

ในระหว่างขับอยู่กลางน้ำ รักษาทั้งรอบเครื่องและความเร็วให้คงที่ ไม่ควรเปลี่ยนเกียร์เพราะเครื่องยนต์อาจสะดุดหรืออาจทำให้เสียจังหวะ และไม่ควรขับโดยกระโจนลงน้ำหรือเร่งเครื่องอย่างแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ด้านหน้าของรถต้านน้ำ เพราะจะทำให้รถลอยหรือจม การควบคุมรถก็จะไม่ดีเท่าที่ควร เพราะน้ำอาจจะดันให้หม้อน้ำกระแทกกับใบพัดจนเสียหาย

เมื่อเสร็จสิ้นการข้ามน้ำ สิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติ ก็คือ การไล่น้ำออกจากผ้าเบรก โดยการทำการเบรกย้ำหลายๆ ครั้ง จนสามารถหยุดรถได้ตามปกติและไม่มีเสียงดังครืดๆ อีก ความร้อนจะทำให้น้ำระเหยออกจากผ้าเบรกจนหมด หากยังไม่ได้ไล่น้ำออกจากผ้าเบรก ควรหลีกเลี่ยงการดึงเบรกมือทิ้งไว้นานๆ โดยเฉพาะทิ้งข้ามคืน เพราะผ้าเบรกจะบวมจนจับจานเบรกแน่น ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนรถได้

 

เคล็ดไม่ลับ เมื่อต้องเปลี่ยนยางออฟโรด

 

  • ตรวจสอบดูว่า ประเภทยางกระบะ ที่จะเปลี่ยนนั้น มีค่าดัชนีการรับน้ำหนักเทียบเท่าหรือสูงกว่ายางรถยนต์ชุดเดิมที่คุณเคยใช้งานอยู่หรือไม่  ควรเปลี่ยนเป็นยางกระบะบรรทุกหนัก หากคุณเลือกใส่ชุดยางที่มีค่าดัชนีการรับน้ำหนักต่ำกว่ายางชุดเดิม อาจทำให้เกิดความเค้นกับตัวยางรถยนต์และโครงสร้างยาง อาจเพิ่มความเสี่ยงที่ยางจะระเบิดได้ หากยางระเบิดขณะขับขี่ ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนท่านอื่นๆ อีกด้วย

 

  • สิ่งสำคัญอีกหนึ่งข้อ ที่ควรตรวจสอบเมื่อเปลี่ยนยางรถยนต์ชุดใหม่ สิ่งที่คุณจะต้องทำคือ ตรวจสอบยางรถยนต์ชุดใหม่ของคุณ ว่ามีขีดจำกัดความเร็วสูงสุดเท่าไหร่ เทียบเท่าหรือสูงกว่าความเร็วสูงสุดของรถหรือไม่ ถ้าหากขีดจำกัดความเร็วสูงสุดของยางรถยนต์ต่ำกว่าความเร็วสูงสุดของรถยนต์ เมื่อคุณขับขี่รถยนต์ด้วยความเร็ว อาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้ เนื่องจากยางชุดใหม่ถูกติดตั้งมาให้ไม่เหมาะสมกับรถยนต์ที่ใช้งานอยู่

 

สำหรับขีดจำกัดความเร็วสูงสุดที่ใช้ได้ของยางรถยนต์จะบอกอยู่ในรูปแบบตัวอักษรเดี่ยวๆ (เช่น W) ซึ่งระบุความเร็วสูงสุดที่ยางรถยนต์ได้รับการรับรองตามกฎหมาย ในการกำหนดพิกัดความเร็วของยางรถยนต์ ทางวิศวกรจะทดสอบโดยเพิ่มความเร็วให้กับยาง ครั้งละ 10 กม./ชม. ทุกๆ 10 นาที จนกว่าจะได้ความเร็วที่ต้องการ

แล้วเราจะเลือกยางกระบะยี่ห้อไหนดี วันนี้มีคำตอบ

ไม่ว่าจะกระบะทั่วไป หรือยางกระบะ4ประตู เราขอแนะนำ 3 รุ่น ฮิต สำหรับสายลุย

 

Mud Grappler

การใช้งานในสภาพภูมิประเทศที่เป็น Off-Road Mud Grappler Extreme Terrain เป็นยางที่ให้ ประสิทธิภาพแรงกรุยเหนือกว่า ยางกลุ่ม Mud Terrain (M/T tire)โดยการออกแบบดอกยางที่พิเศษสุดด้วย
ร่องดอกยางแนวขวางที่กว้าง (Wide Lug Groove) และดอกยางที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวได้แก่Bone- Block Base,Nail Bit, Anti Side Slip Groove และ Deeper pattern บริเวณไหล่ยาง
นอกจากนี้ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งทั้งบริเวณหน้ายาง (High Strength Steel belt tread package)และ 3 Ply Polyester บริเวณแก้มยาง ช่วยเพิ่มความต้านทาน ต่อการถูกตำทะลุได้ดี
สำหรับการใช้งานบนถนนทางเรียบทั้งสภาพผิวถนนแห้ง และผิวถนนเปียกก็สามารถให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะที่ดี

 

Trail Grappler M/T

Nitto Trail Grappler M/T เป็นยางที่มีรูปลักษณ์แข็งแกร่งดุดันมีความสมดุลทั้งด้านสมรรถนะที่ดีเยี่ยมบนเส้นทาง Off-road และประสิทธิภาพดีบนทางเรียบ ด้วยการออกแบบ ขนาดดอกยาง, ความกว้างของร่องยางที่ได้สัดส่วนอย่าง สมดุล(Balanced Void Ratio) และการจัดเรียงที่เหมาะสม (Variable Pitch Pattern)

ดอกยางและร่องยางแบบรูปทรงเรขาคณิตรวมทั้งการ ออกแบบไหล่ยาง และแก้มยางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Raised Side Lugs, Flotation Shelf and Integrated Sidewall Tread Lugs) จึงให้สมรรถนะแรงกรุยที่ดีเยี่ยม บนสภาพเส้นทางดินโคลน Deep Center Sipe ที่ดอกยางบริเวณกลางหน้ายางและ Reinforced Shoulder Groove ที่ดอกยางบริเวณไหล่ ยางจึงให้ประสิทธิภาพดีบนทางเรียบโดยเฉพาะบนถนนเปียก

 

Ridge Grappler

NITTO Ridge Grappler เป็นยางที่ผสมผสานอย่างลงตัว ทั้งรูปลักษณ์และประสิทธิภาพ โดยให้แรงกรุยที่ดีบนถนนขรุขระ และประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่ดีทั้งถนนแห้งและถนนเปียก
พร้อมเสียงรบกวนต่ำ ให้การขับขี่ที่สะดวกสบาย สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้้งานบนทางเรียบ รวมทั้งอายุการใช้งานที่ผู้ใช้พึงพอใจ

การขับขี่แบบ Extreme หรือการขับขี่แบบออฟโร้ดนั้น เป็นทั้งกิจกรรมที่ท้าทายและเป็นทั้งทักษะในการเอาตัวรอดเมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรคในทางดินและทางน้ำ การขับขี่แบบออฟโร้ดมีเสน่ห์อยากมาก และมีความนิยมทั่วทั้งโลก เพราะฉะนั้น หากใครที่หลงใหลในการขับขี่สไตล์นี้ สิ่งที่ต้องคำนึงถึง

คือ รถยนต์ ยางรถยนต์ อุปกรณ์แต่งเสริม ศึกษาเส้นทาง เตรียมวางแผน และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ความปลอดภัย และการป้องกันตัวเองจากอันตราย Nitto Tires ยางคุณภาพดี ที่จะทำให้การขับขี่ของคุณสนุกและปลอดภัยยิ่งขึ้น


เคล็ดลับล่าสุด