หลังจากพิจราณารูปลักษณ์และข้อมูลต่างๆ บนแก้มยางไปแล้ว ก็ถึงเวลาทดลองใช้งานยางนิตโตะ NT 830 ขนาด 205/55/16 ในรถฟอร์ด โฟกัส TDCi เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ซึ่งข้อดีของการใส่ยางที่ต้องการทดสอบกับรถส่วนตัว คือ สามารถแยกความแตกต่างได้ดีกว่าการขับรถคันอื่น เพราะได้ขับใช้งานในรถและเส้นทางที่คุ้นเคย รวมทั้งมีเวลาได้ทดลองขับนานกว่าการทดสอบในสนามด้วย
หลังจากใช้ยางเดิมติดรถไปประมาณ 16,000 กิโลเมตรก็มีโอกาสได้เปลี่ยนยางเป็นของ นิตโตะNT 830 ซึ่งเป็นยางรุ่นใหม่ล่าสุดที่เน้นความนุ่มนวล เงียบ และมีการยึดเกาะถนนที่ดี โดยนัดเข้าไปเปลี่ยนที่สำนักงานใหญ่ ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัดซึ่งทางผู้ติดตั้งได้ทำการถ่วงล้อให้เรียบร้อยแม้ว่าก่อนจะเปลี่ยนยางได้นำรถไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เพื่อความมั่นใจจึงกลับไปตั้งศูนย์ใหม่อีกครั้ง เติมลมยางตามสเปคของรถ ด้านหน้าและด้านหลัง 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว และขับรัน-อิน หน้ายางไปกว่า 1,000 กิโลเมตร เพื่อให้หน้ายางปรับเข้ากับช่วงล่างของรถ
สำหรับการใช้งานในเมืองด้วยความเร็วต่ำ-ปานกลาง จะรู้สึกถึงความนุ่มนวลที่มากกว่าเดิมโดยเฉพาะความนุ่มที่ส่งผ่านมายังพวงมาลัยขณะขับเคลื่อนและเบรก ซึ่งให้ความแตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อขับบนถนนเส้นเดิม ถ้าผิวถนนราดยางเรียบจะมีทั้งความนุ่มนวลและความเงียบ ส่วนถนนคอนกรีตที่มักมีรอยต่อ แก้มยางก็สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี เมื่อขับผ่านรอยต่อก็ยังรู้สึกถึงความนุ่ม ไม่กระแทกหรือสะท้าน มีเสียงยางที่ออกแนวแน่นๆ และไม่ดังมากนัก
อีกหนึ่งความแตกต่างที่รู้สึกได้ชัดเจน คือ ความราบเรียบในการขับเคลื่อน โดยเฉพาะตอนเลี้ยวกลับรถที่ต้องหมุนพวงมาลัยด้วยองศาที่ค่อนข้างมากรู้สึกว่าการหมุนพวงมาลัยค่อนข้างราบเรียบและคงที่ ไม่มีอาการสะดุดแม้ขณะที่หมุนพวงมาลัยนั้นจะใช้ความเร็วต่ำมาก เช่นเดียวกับการคืนตัวของพวงมาลัยหลังจากกลับรถเสร็จแล้ว
เมื่อค่อยๆ เติมคันเร่งพร้อมกับประคองช่วยหมุนพวงมาลัยกลับเล็กน้อย พวงมาลัยก็หมุนกลับมาในแนวตรงได้อย่างราบเรียบและนุ่มนวล ในส่วนนี้นอกจากคุณสมบัติของยางแล้ว การตั้งศูนย์ถ่วงล้ออย่างถูกต้องก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน
ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนถือว่ารองรับความเร็วของการใช้งานในเมืองที่ขับกันไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างเหลือเฟือ โดยเฉพาะบนทางเรียบตรง โค้งกว้างๆ และเปลี่ยนเลนที่ความเร็วค่อนข้างสูง รวมทั้งลองใช้ความเร็วสูงกว่าปกติเล็กน้อยในการเข้าโค้งแคบๆ ยางก็ยังไม่ส่งเสียงครวญครางแต่อย่างใด ตัวรถยังไม่มีอาการปัดเป๋ อาจเป็นเพราะยังใช้ความเร็วไม่สูงมากนัก โดยในส่วนของการยึดเกาะถนนที่ความเร็วสูง ต้องทดลองกันอีกครั้งเมื่อขับเดินทางไกล
ต่อด้วยการทดลองขับบนถนนเปียกซึ่งพบเจอได้บ่อยในช่วงนี้ พบว่าร่องยางขนาดใหญ่ 3 ร่องกลางหน้ายางทำหน้าที่ในการเก็บและรีดน้ำออกจากหน้ายางได้ดี เมื่อขับผ่านแอ่งน้ำบนผิวถนนด้วยความเร็วที่ลดลงเมื่อฝนตก เฉลี่ย 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะแทบไม่รู้สึกว่ารถถูกแรงต้านจากน้ำ รวมทั้งการขับผ่านแอ่งน้ำด้วยล้อฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ตัวรถก็แทบไม่ถูกแรงต้านจากน้ำเช่นกัน แต่ต้องไม่ลืมว่าผู้ขับต้องลดความเร็วลงจากตอนขับบนถนนแห้งด้วย
การขับผ่านแอ่งน้ำด้วยล้อฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างอันตรายเพราะถ้ายางรีดน้ำได้ไม่ดีพอจะด้วยเพราะยางรุ่นนั้นออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพดีเมื่อถนนแห้ง หรือเพราะยางผ่านการใช้งานมานานจนสึกหรอทำให้ร่องเก็บน้ำตื้น จะทำให้ล้อฝั่งที่ลงไปในแอ่งน้ำมีแรงต้านมาก ส่งผลให้พวงมาลัยถูกดึงไปฝั่งที่ลงแอ่งน้ำ ถ้าใช้ความเร็วสูงมาก และ/หรือแอ่งน้ำมีความลึกมาก รถอาจสูญเสียการทรงตัว หรืออาจเกิดอาการเหินน้ำ หรือ Hydroplaning ก็เป็นได้ ซึ่งจะอันตรายมาก แม้รถจะมีตัวช่วยด้านการทรงตัวกี่ระบบก็เอาไม่อยู่ เพราะขณะนั้นยางไม่ได้ยึดติดอยู่กับผิวถนน
สรุปการใช้งานในเมืองของยาง นิตโตะ NT 830 ที่ความเร็วต่ำ-ปานกลาง ให้ความนุ่มนวลและเงียบ ตรงตามคุณสมบัติเด่นของยางรุ่นนี้ ช่วยให้การขับมีความผ่อนคลายมากขึ้น ประสิทธิภาพในการรีดน้ำอยู่ในระดับน่าพอใจ แทบไม่มีอาการดึงเมื่อขับผ่านแอ่งน้ำด้วยความเร็วที่เหมาะสม ถ้าบวกการเพิ่มความระมัดระวังของผู้ขับเข้าไปด้วยแล้ว การขับรถในวันฝนตกกับยางนิตโตะ NT 830 ก็จะให้ความปลอดภัยสูงสุด