หลังจากลองขับที่ความเร็วต่ำ-ปานกลาง จากการใช้งานในเมืองไปแล้ว คราวนี้มาลองดูกันว่าเมื่อใช้ความเร็วสูง ยางนิตโตะ NT830 จะให้ความรู้สึกเป็นอย่างไร รถที่ใช้ในการทดลอง คือ ฟอร์ด โฟกัส TDCi สำหรับการใช้งานทั่วไป ขับคนเดียวไม่มีสัมภาระ ตามสเปคของรถระบุให้เติมลมยาง 30 ปอนด์ต่อตารางนิ้วทั้ง 4 ล้อ เมื่อเดินทางไกลก็ต้องเติมเพิ่มเล็กน้อย เพื่อจำกัดการขยับตัวของแก้มยาง ลดความร้อนสะสมเมื่อขับด้วยความเร็วสูงต่อเนื่องนานๆ ประกอบกับผมชอบความรู้สึกแข็งๆ ตึงๆ หน่อยจึงเติมเพิ่มเป็น 33 ปอนด์ต่อตารางนิ้วทั้ง 4 ล้อ
เติมลมยางเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ รู้สึกว่าแข็งขึ้นบ้างแต่ไม่มากนัก ตัดสินใจขับไปแถวจังหวัดระยอง เพราะเป็นเส้นทางที่คุ้นเคย และจำได้ว่ามีลักษณะผิวถนนและสภาพเส้นทางที่หลากหลาย ใช้เส้นทางด่วนต่อด้วยมอเตอร์เวย์ ช่วงบนทางด่วนมีโค้งกว้าง ใช้ความเร็วตามกฎหมายและเข้าโค้งโดยไม่ตัดเลน พวงมาลัยมีความมั่นคงและความนิ่ง ลองคิ๊กดาวน์เพิ่มความเร็วขึ้นอีกนิดขณะอยู่ในโค้ง รถยังคงไล่ไปตามโค้งได้ตามปกติ
ลงจากทางด่วนต่อด้วยมอเตอร์เวย์ ผิวถนนราดยางสภาพค่อนข้างดี ลองเสี่ยงกับ Speed Camera ด้วยการกดคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นไปแถวๆ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วปล่อยคันเร่งเพื่อฟังเสียงยาง พบว่าเสียงเงียบในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับสมรรถนะในการยึดเกาะถนน การเร่งแซงทั้งแบบธรรมดาและแบบกะทันหัน ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ลองเปลี่ยนเลนกะทันหันที่ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวรถไปตามทิศทางที่หมุนพวงมาลัยแบบพอดีๆ ไม่ขาดไม่เกิน ส่วนช่วงล่างของรถมีอาการยุบบ้างตามปกติ เพราะเป็นรถเดิมๆ จากโรงงานไม่มีการปรับแต่งช่วงล่างเพิ่มเติม
บางช่วงที่รถโล่งลองเพิ่มความเร็วไปถึง 160-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พวงมาลัยก็ยังนิ่งและราบเรียบ ออกจากมอเตอร์เวย์เจอสภาพถนนคอนกรีตสภาพค่อนข้างแย่ แม้จะยังไม่ถึงขั้นพังแต่ผิวด้านบนก็ไม่ค่อยเรียบ และช่วงที่เป็นรอยต่อก็จะหยอดยางมะตอยเอาไว้ต่ำกว่าและสูงกว่าผิวถนนบ้าง ช่วงนี้รถค่อนข้างเยอะ ใช้ความเร็วได้แค่ประมาณ 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การดูดซับแรงสะเทือนจากผิวถนนและรอยต่อนับว่ายังทำได้ดี เพราะเติมลมยางเพิ่มจากสเปคของรถด้วย
ขับต่อเนื่องก่อนแยกซ้ายไปทางระยอง ไม่ได้ตรงไปทางพัทยา ขับผ่านพีระ เซอร์กิต เลี้ยวขวาที่แยกเล็กๆ เข้าสู่ถนน 3376 ซึ่งจำได้ว่าสามารถทะลุไปออกถนนสุขุมวิทได้ สภาพถนนช่วงนี้เป็นผิวราดยาง 2 เลนสวน บางช่วงมีลักษณะคดเคี้ยวแต่โค้งค่อนข้างเปิด สามารถมองเห็นทางด้านหน้าได้ และมีทางลาดชันขึ้น-ลงเขาเป็นของแถม
ช่วงโค้งแคบๆ ลองใช้ความเร็วสูงกว่าปกติ แม้จะต้องออกแรงบังคับพวงมาลัยมากขึ้น แต่ก็สามารถควบคุมรถให้วิ่งไปตามทางได้อย่างมั่นคง ไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดจากยางหรืออาการลื่นไถล และระบบ ESP ที่เปิดไว้ตลอดก็ยังไม่ทำงาน (ถ้าระบบทำงานตัวรถจะมีอาการหน่วงๆ)
คุณสมบัติของยางและดอกยาง น่าจะรองรับการขับด้วยความเร็วสูงกว่านี้ได้อย่างสบาย เพราะดูจากตารางขนาดยางแล้ว NT830 มีให้เลือกถึงขอบ 20 นิ้ว กับยางขนาด 245/35 R20 ซึ่งมี Speed Rating ระดับ W รองรับความเร็วสูงสุดได้ถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนยางที่ทดลองใช้ขอบ 16 นิ้ว เป็นขนาดเล็กสุดของยางรุ่นนี้
สามารถเข้าชม Size&Spec ยาง NT830 ได้ที่ http://www.nittotire.in.th/tires/nt830-1171
ช่วงที่เป็นทางตรงและไม่มีรถคันอื่น ลองจอดนิ่งบนถนน ปิดระบบรักษาเสถียรภาพ ESP แล้วกดคันเร่งมิดเพื่อออกตัว เสี้ยววินาทีแรกรถขยับตัวช้าๆ จากนั้นเมื่อรอบเครื่องยนต์ไต่ขึ้นสูง รถก็กระชากเพิ่มอัตราเร่งค่อนข้างเร็ว ได้ยินเสียงยางดังเอี๊ยดสั้นๆ ที่ปลายเกียร์ 1 จากนั้นรถก็พุ่งไปอย่างต่อเนื่องและไม่ได้ยินเสียงยางอีก ที่ล้อมีอาการฟรีสั้นๆ น่าจะเป็นเพราะยางติดรถ 205/55 R16 มีขนาดเล็กไปนิดเมื่อเปรียบเทียบกับแรงบิดเกิน 30 กก.-ม.
เร่งความเร็วขึ้นไปประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยังมีทางตรงข้างหน้าเหลือเฟือและรถยังโล่ง จึงลองเบรกแบบค่อนข้างแรงแต่ไม่ถึงกับกระทืบเบรก เอบีเอสยังไม่ทำงาน ยางไม่ส่งเสียงเสียงเอี๊ยดอ๊าด เพราะดอกยางแต่ละบล็อกค่อนข้างใหญ่จึงไม่เอนหรือล้มเมื่อเบรกรุนแรง จึงไม่เกิดอาการลื่นหรือเบรกไหล
สำหรับการขับเดินทางไกลด้วยความเร็วค่อนข้างสูง ยางนิตโตะ NT830 ให้การยึดเกาะถนนที่ดีพอๆ กับยางสปอร์ตแท้ๆ โดยยังคงความเงียบและความนุ่มนวลในสไตล์ยางคอมฟอร์ท ช่วยให้การขับทางไกลมีทั้งความปลอดภัยและผ่อนคลาย